เปิดประตูสู่ "ภูฎาน"
ประเทศภูฏาน
(Bhutan
ภูฏาน (Bhutan) (อ่านว่า พู-ตาน) หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of
Bhutan) เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ที่มีขนาดเล็ก
และมีภูเขาเป็นจำนวนมาก
เมืองหลวง
: ทิมพู (Thimpu) เป็นเมืองหลวงของภูฏานในปัจจุบัน (อยู่ห่างจากเมืองปาโร
ศูนย์กลางสนามบินเพียงแห่งเดียวของภูฏาน ประมาณ 65 กิโลเมตร)
ทิมพูอาจจะเป็นเมืองหลวงหนึ่งเดียวในโลกที่ไม่มีสัญญาณไฟแดง
เพราะเมืองนี้มีถนนเล็กๆเพียงไม่กี่สายเท่านั้น
สถานที่ตั้งประเทศภูฎาน ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยระหว่างประเทศอินเดียกับจีน ภูฏาน ดินแดนที่หลายๆคน
ยกให้เป็นดัง "สวรรค์บนพื้นพิภพ"
เนื่องจากภูฏานเป็นประเทศขนาดเล็ก ลักษณะภูมิอากาศจึงไม่แตกต่างกันมากนัก
โดยมากเป็นภูมิอากาศแบบกึ่งร้อนมีฝนชุก ยกเว้นตอนเหนือซึ่งเป็นภูเขาสูง
ทำให้มีอากศแบบหนาวเทือกเขาอากาศ
กลางวัน 15
- 25 องศาเซลเซียส กลางคืน 5 -10 องศาเซลเซียส
มี 4 ฤดู คือ
• ฤดูใบไม้ผลิ จะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม
ช่วงนี้อากาศจะอบอุ่นและอาจมีฝนประปราย
• ฤดูร้อน จะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม ช่วงนี้จะมีพายุฝน
ตามเทือกเขาจะเขียวชอุ่ม
• ฤดูใบไม้ร่วง จะอยู่ในช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน ช่วงนี้อากาศจะเย็น
ท้องฟ้าแจ่มใส เหมาะแก่การเดินเขา
• ฤดูหนาว จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์
อากาศจัดเย็นจัดตอนกลางคืนและรุ่งเช้า และจะมีหมอกหนา
บางครั้งโดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม อาจมีหิมะตกบ้าง
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศ "ภูฎาน"
วัดทักซัง
Taktshang Goemba หรือ รังเสือ (Tiger Nest)
วัดทักซัง
ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 900 เมตร ชายเขตเมืองพาโร
วัดตักซังเป็นสถานที่แสวงบุญที่ชาวภูฏานเลื่อมใสศรัทธากันมากที่สุดแห่งหนึ่งในเขตหิมาลัยภายในเขตวัดมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ทั้งสิ้น
13 แห่ง ล้วนมีความเป็นมาเกี่ยวข้องบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของภูฐาน
ทักซัง
แปลว่า “รังเสือ” ที่มาของชื่อย้อนกลับไปเมื่อครั้งแรกสร้างวัด
โดยมีตำนานเล่าต่อกันมาว่า ในสมัยศตวรรษที่ 8 ในครั้งนั้น คุรุ
รินโปเซทรงขี่นางเสือตัวหนึ่งเหาะมาจากเมืองเค็นปาจงในแคว้นกูร์เตมายังตักซัง
(ชาวภูฏานเชื่อว่า แท้จริงแล้ว นางเสือตัวนี้คือศักติของท่านคุรุรินโปเซจำแลงกายมา)
แล้วเข้าบำเพ็ญสมาธิอยู่ในถ้ำรังเสือนานสามเดือน
แล้วเทศนาสั่งสอนผู้คนในหุบเขาพาโรจนหันมายอมรับนับถือพุทธศาสนากัน
โดยสำแดงกายให้เห็นในภาคคุรุโดร์จี โดรเลอันน่าสะพรึงกลัว
และใช้มณฑลกาเกสะกดภูติผีปิศาจร้ายทั้งแปดจำพวกเอาไว้ในระหว่างที่ประทับอยู่ที่นี่ด้วย
การเดินทางไปวัดตักซัง
ควรใช้วิธีเดินเท้าขึ้นไป เพราะในการจาริกแสวงบุญนั้นควรพึ่งน้ำพักน้ำแรงของตน
แม้จะลำบากเหนื่อยยากเพียงใดก็ตาม จะว่าไปแล้วจุดมุ่งหมายประการแรกของการจาริกแสวงบุญก็เพื่อสร้างความเพียร
และเรียนรู้ที่จะอยู่กับความยากลำบาก มิใช่เพื่อทรมานตน
แต่เพื่อเป็นแบบฝึกหัดในการยกจิตให้อยู่เหนือความลำบากทางกาย
การระบำหน้ากากภูฏาน
การระบำหน้ากากทางศาสนาแบ่งออกเป็น
3 กลุ่ม ใหญ่ๆ
1. ระบำเทศนาซึ่งมีเนื้อหาในการสั่งสอนศีลธรรม
2. ระบำเพื่อสร้างความบริสุทธิ์และปกป้องคุ้มครองสถานที่ไม่ให้วิญญาณร้ายมาคุกคาม
3. ระบำประกาศชัยชนะของพุทธศาสนาและบารมีของคุรุรินโปเซ
ทาชิโชซอง (ตาชิโชซอง Tashicho Dzong) สัญลักษณ์ของทิมพู
การมาเที่ยวภูฏานที่พลาดไม่ได้คือการมาชม
ทาชิโชซอง หรือ ทิมพูซอง เป็นตัวอาคารขนาดมหึมา
เป็นสถาปัตยกรรมภูฏานที่งดงามดูประหนึ่งพระบรมมหาราชวังอยู่ริมแม่น้ำและเชิงเขา
เป็นอาคารที่ทำการของรัฐบาล คณะกรรมการบริหารปกครองเมืองทิมพู ประกอบด้วยคณะสงฆ์ และข้าราชการระดับสูงภายในซองมีกลุ่มอาคารที่แยกออกเป็นเขตสังฆาวาน และเขตฆราวาสกับลานอเนกประสงค์ สถานที่จัดกิจกรรมสำคัญทางศาสนา
หอกลางเป็นหอสูงสามชั้นอยู่ตรงกลาง
เป็นที่ประกอบพิธีสำคัญและที่พำนักสงฆ์ห้องบูชาประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญต่าง ๆ
วังดี โปดรัง (Wangdi Phodrang)
เมืองวังดี โปดรัง เรียกสั้นๆ ว่า วังดี
อยู่ที่ความสูง 1,350 เมตร
ตั้งอยู่เหนือจุดบรรจบของแม่น้ำ 2
สายคือ แม่น้ำปูนาคาและแม่น้ำดัง
เป็นเมืองในอดีตที่สำคัญของประวัติศาสตร์ภูฏาน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองปูนาคาประมาณ 13 กิโลเมตร
มียอดเขา กังก้า พุนซุม (Gangkhar
Phuensum) ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก
(ที่ยังไม่มีผู้ใดสามารถปีนขึ้นไปได้) ซึ่งสูงถึง 7,500 เมตร
วังดีโปดรังซองสร้าง ในปี ค.ศ.1638 ซองแห่งนี้ตั้งอยู่บนสันเขาระหว่างแม่น้ำ
พูนาค และแม่น้ำดาง ตามตำนานเล่าว่า ท้าวมหากาฬได้มาสำแดงตนให้ท่านซับดรุงเห็น
และกล่าวคำทำนายว่า "บนยอดเนินหินตรงที่แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน ณ
ตำแหน่งที่ฝูงกาบินออกไปยังสี่ทิศ ท่านจะสร้างป้อมขึ้นที่นั่นหลังหนึ่ง" ครั้นถึงปี
ค.ศ. 1638 ท่านซับดรุงได้เดินทางมาถึงสถานที่ตามคำทำนายนั้น
จึงสร้างป้อมขึ้น และให้ชื่อว่า วังดีโปดรัง แปลว่า
"วังซึ่งสยบสี่ทิศไว้ใต้อำนาจ (ของท่านซับดรุง)"
วิถีชีวิตชาวภูฏาน จารีตประเพณีความเชื่อ ศิลปะวัฒนธรรมของภูฏาน
- กุสุซัมโปดรุกยุล
กุสุซัมโป แปลว่า สวัสดี ดรุกยุล คือ ภูฏาน กุสุซัมโปดรุกยุล “สวัสดีภูฏาน”..
- ด้วยเหตุที่ชาวภูฏานต่างมีวิถีชีวิตที่ยึดมั่นในพุทธตันตระ-วัชรยาน
วิถีชีวิตประจำวันของชาวภูฏานจึงมีศาสนานำทาง จนกลายเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ
ชาวภูฏานยังไม่นับถือเงินตราเป็นพระเจ้า และส่วนมากยังมีฐานะยากจน กระแสบริโภคนิยมจึงยังคืบคลานไปไม่ถึง
โดยเฉพาะในชนบท แทบทุกคนทั้งชาย-หญิงในภูฏานล้วนมีสันติสุขและรักสันโดษ
มีความสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน มีจิตใจโอบอ้อมอารี
ยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นมิตรต่อผู้คนที่มาเยือนภูฏาน
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติอย่างหนึ่งของภูฏาน
- การกราบไหว้อย่างอ่อนน้อมถ่อมตัวของชาวภูฏาน
- การไหว้ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตัวของชาวภูฏานเป็นเอกลัษณ์ที่เด่นชัดของชาวภูฏาน
ซึ่งการกราบไหว้เป็นวัฒนธรรมพื้นฐานของชาวภูฏานมาเนิ่นนานแล้ว
เพราะว่าประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ ไม่ว่านิกายใด
มักจะมีวัฒนธรรมการกราบไหว้ติดมาเป็นมรดกจากอินเดีย
หากแต่การกราบไหว้ในแต่ละประเทศอาจจะมีลักษณะท่าทีที่แตกต่างกันออกไป
- การไหว้ผู้ใหญ่ของชาวภูฏานจะมีลักษณะนอบน้อมถ่อมตนจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของชาติไม่แพ้การไหว้ของไทย
แต่การไหว้พระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น มีลักษณะใกล้เคียงกับทิเบต คือ การไหว้ในแบบน้อมกายแตะพื้นถึงครึ่งตัว
หรือแตะพื้น 7 จุด
คือ เท้า เข่า มือ และหน้าผาก