วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

"ภูฎาน" ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า

เปิดประตูสู่  "ภูฎาน"

 ประเทศภูฏาน (Bhutan
                    ภูฏาน (Bhutan) (อ่านว่า พู-ตาน) หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan) เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ที่มีขนาดเล็ก และมีภูเขาเป็นจำนวนมาก
                    เมืองหลวง : ทิมพู (Thimpu)  เป็นเมืองหลวงของภูฏานในปัจจุบัน (อยู่ห่างจากเมืองปาโร ศูนย์กลางสนามบินเพียงแห่งเดียวของภูฏาน ประมาณ 65 กิโลเมตร) ทิมพูอาจจะเป็นเมืองหลวงหนึ่งเดียวในโลกที่ไม่มีสัญญาณไฟแดง เพราะเมืองนี้มีถนนเล็กๆเพียงไม่กี่สายเท่านั้น
                     สถานที่ตั้งประเทศภูฎาน   ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยระหว่างประเทศอินเดียกับจีน ภูฏาน ดินแดนที่หลายๆคน ยกให้เป็นดัง   "สวรรค์บนพื้นพิภพ"



ภูมิอากาศประเทศภูฏาน
                      เนื่องจากภูฏานเป็นประเทศขนาดเล็ก ลักษณะภูมิอากาศจึงไม่แตกต่างกันมากนัก โดยมากเป็นภูมิอากาศแบบกึ่งร้อนมีฝนชุก ยกเว้นตอนเหนือซึ่งเป็นภูเขาสูง ทำให้มีอากศแบบหนาวเทือกเขาอากาศ กลางวัน 15 - 25 องศาเซลเซียส กลางคืน 5 -10 องศาเซลเซียส มี 4 ฤดู คือ
                    ฤดูใบไม้ผลิ    จะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม ช่วงนี้อากาศจะอบอุ่นและอาจมีฝนประปราย
                    ฤดูร้อน    จะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม ช่วงนี้จะมีพายุฝน ตามเทือกเขาจะเขียวชอุ่ม
                    ฤดูใบไม้ร่วง    จะอยู่ในช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน ช่วงนี้อากาศจะเย็น ท้องฟ้าแจ่มใส เหมาะแก่การเดินเขา
                     • ฤดูหนาว    จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ อากาศจัดเย็นจัดตอนกลางคืนและรุ่งเช้า และจะมีหมอกหนา บางครั้งโดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม อาจมีหิมะตกบ้าง



สถานที่ท่องเที่ยวประเทศ  "ภูฎาน"

วัดทักซัง Taktshang  Goemba หรือ รังเสือ (Tiger Nest)
                    วัดทักซัง ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 900 เมตร ชายเขตเมืองพาโร วัดตักซังเป็นสถานที่แสวงบุญที่ชาวภูฏานเลื่อมใสศรัทธากันมากที่สุดแห่งหนึ่งในเขตหิมาลัยภายในเขตวัดมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ทั้งสิ้น 13 แห่ง ล้วนมีความเป็นมาเกี่ยวข้องบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของภูฐาน
                    ทักซัง แปลว่า รังเสือ ที่มาของชื่อย้อนกลับไปเมื่อครั้งแรกสร้างวัด โดยมีตำนานเล่าต่อกันมาว่า ในสมัยศตวรรษที่ 8 ในครั้งนั้น คุรุ รินโปเซทรงขี่นางเสือตัวหนึ่งเหาะมาจากเมืองเค็นปาจงในแคว้นกูร์เตมายังตักซัง (ชาวภูฏานเชื่อว่า แท้จริงแล้ว นางเสือตัวนี้คือศักติของท่านคุรุรินโปเซจำแลงกายมา) แล้วเข้าบำเพ็ญสมาธิอยู่ในถ้ำรังเสือนานสามเดือน แล้วเทศนาสั่งสอนผู้คนในหุบเขาพาโรจนหันมายอมรับนับถือพุทธศาสนากัน โดยสำแดงกายให้เห็นในภาคคุรุโดร์จี โดรเลอันน่าสะพรึงกลัว และใช้มณฑลกาเกสะกดภูติผีปิศาจร้ายทั้งแปดจำพวกเอาไว้ในระหว่างที่ประทับอยู่ที่นี่ด้วย
                    การเดินทางไปวัดตักซัง ควรใช้วิธีเดินเท้าขึ้นไป เพราะในการจาริกแสวงบุญนั้นควรพึ่งน้ำพักน้ำแรงของตน แม้จะลำบากเหนื่อยยากเพียงใดก็ตาม จะว่าไปแล้วจุดมุ่งหมายประการแรกของการจาริกแสวงบุญก็เพื่อสร้างความเพียร และเรียนรู้ที่จะอยู่กับความยากลำบาก มิใช่เพื่อทรมานตน แต่เพื่อเป็นแบบฝึกหัดในการยกจิตให้อยู่เหนือความลำบากทางกาย


















การระบำหน้ากากภูฏาน
                    การระบำหน้ากากทางศาสนาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ใหญ่ๆ
1.   ระบำเทศนาซึ่งมีเนื้อหาในการสั่งสอนศีลธรรม
2.   ระบำเพื่อสร้างความบริสุทธิ์และปกป้องคุ้มครองสถานที่ไม่ให้วิญญาณร้ายมาคุกคาม
3.   ระบำประกาศชัยชนะของพุทธศาสนาและบารมีของคุรุรินโปเซ



ทาชิโชซอง (ตาชิโชซอง Tashicho Dzong) สัญลักษณ์ของทิมพู


                    การมาเที่ยวภูฏานที่พลาดไม่ได้คือการมาชม ทาชิโชซอง หรือ ทิมพูซอง เป็นตัวอาคารขนาดมหึมา เป็นสถาปัตยกรรมภูฏานที่งดงามดูประหนึ่งพระบรมมหาราชวังอยู่ริมแม่น้ำและเชิงเขา เป็นอาคารที่ทำการของรัฐบาล คณะกรรมการบริหารปกครองเมืองทิมพู ประกอบด้วยคณะสงฆ์   และข้าราชการระดับสูงภายในซองมีกลุ่มอาคารที่แยกออกเป็นเขตสังฆาวาน  และเขตฆราวาสกับลานอเนกประสงค์ สถานที่จัดกิจกรรมสำคัญทางศาสนา หอกลางเป็นหอสูงสามชั้นอยู่ตรงกลาง เป็นที่ประกอบพิธีสำคัญและที่พำนักสงฆ์ห้องบูชาประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญต่าง ๆ


















วังดี โปดรัง (Wangdi Phodrang)

                    เมืองวังดี โปดรัง เรียกสั้นๆ ว่า วังดี อยู่ที่ความสูง 1,350 เมตร ตั้งอยู่เหนือจุดบรรจบของแม่น้ำ 2 สายคือ แม่น้ำปูนาคาและแม่น้ำดัง เป็นเมืองในอดีตที่สำคัญของประวัติศาสตร์ภูฏาน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองปูนาคาประมาณ 13 กิโลเมตร มียอดเขา กังก้า พุนซุม (Gangkhar Phuensum) ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก (ที่ยังไม่มีผู้ใดสามารถปีนขึ้นไปได้) ซึ่งสูงถึง 7,500 เมตร
                    วังดีโปดรังซองสร้าง ในปี ค.ศ.1638 ซองแห่งนี้ตั้งอยู่บนสันเขาระหว่างแม่น้ำ พูนาค และแม่น้ำดาง ตามตำนานเล่าว่า ท้าวมหากาฬได้มาสำแดงตนให้ท่านซับดรุงเห็น และกล่าวคำทำนายว่า "บนยอดเนินหินตรงที่แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน ณ ตำแหน่งที่ฝูงกาบินออกไปยังสี่ทิศ ท่านจะสร้างป้อมขึ้นที่นั่นหลังหนึ่ง" ครั้นถึงปี ค.ศ. 1638 ท่านซับดรุงได้เดินทางมาถึงสถานที่ตามคำทำนายนั้น จึงสร้างป้อมขึ้น และให้ชื่อว่า วังดีโปดรัง แปลว่า "วังซึ่งสยบสี่ทิศไว้ใต้อำนาจ (ของท่านซับดรุง)"



















วิถีชีวิตชาวภูฏาน จารีตประเพณีความเชื่อ ศิลปะวัฒนธรรมของภูฏาน

-   กุสุซัมโปดรุกยุล กุสุซัมโป แปลว่า สวัสดี ดรุกยุล คือ ภูฏาน กุสุซัมโปดรุกยุล สวัสดีภูฏาน”..
-   ด้วยเหตุที่ชาวภูฏานต่างมีวิถีชีวิตที่ยึดมั่นในพุทธตันตระ-วัชรยาน วิถีชีวิตประจำวันของชาวภูฏานจึงมีศาสนานำทาง จนกลายเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ ชาวภูฏานยังไม่นับถือเงินตราเป็นพระเจ้า และส่วนมากยังมีฐานะยากจน กระแสบริโภคนิยมจึงยังคืบคลานไปไม่ถึง โดยเฉพาะในชนบท แทบทุกคนทั้งชาย-หญิงในภูฏานล้วนมีสันติสุขและรักสันโดษ มีความสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน มีจิตใจโอบอ้อมอารี ยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นมิตรต่อผู้คนที่มาเยือนภูฏาน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติอย่างหนึ่งของภูฏาน
-   การกราบไหว้อย่างอ่อนน้อมถ่อมตัวของชาวภูฏาน
-    การไหว้ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตัวของชาวภูฏานเป็นเอกลัษณ์ที่เด่นชัดของชาวภูฏาน ซึ่งการกราบไหว้เป็นวัฒนธรรมพื้นฐานของชาวภูฏานมาเนิ่นนานแล้ว เพราะว่าประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ ไม่ว่านิกายใด มักจะมีวัฒนธรรมการกราบไหว้ติดมาเป็นมรดกจากอินเดีย หากแต่การกราบไหว้ในแต่ละประเทศอาจจะมีลักษณะท่าทีที่แตกต่างกันออกไป
-    การไหว้ผู้ใหญ่ของชาวภูฏานจะมีลักษณะนอบน้อมถ่อมตนจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของชาติไม่แพ้การไหว้ของไทย แต่การไหว้พระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น มีลักษณะใกล้เคียงกับทิเบต คือ การไหว้ในแบบน้อมกายแตะพื้นถึงครึ่งตัว หรือแตะพื้น 7 จุด คือ เท้า เข่า มือ และหน้าผาก



















                                                                                                         แผนที่ประเทศ "ภูฎาน"







วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

คุณยอร์

อียอร์


        
        อียอร์ เป็นลาที่ดูเซื่องๆ ไม่เคยคาดหวังอะไรจากคนอื่น และตัวเอง จึงมีแต่เพื่อนของเขาที่คอยให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอความฝันของเขาเป็นสิ่งที่เวอร์สุดๆ การแสดงออกทางอารมณ์เมื่อดูที่สีหน้าของเขาก็จะรู้ทันทีว่าเขารู้สึกอย่างไรอียอร์ถ้าดูภายนอกก็แค่ลาสีเทาตัวหนึ่งแต่ภายในจิตใจของเขาเต็มไปดวยความเอื้ออารี ให้ความช่วยเหลือคนอื่นด้วยความเต็มใจเสมอ และมีโอกาสทำพลาดน้อยมาก